ทำไมยิงแอด Facebook ยุคนี้ถึง ‘แพง’ ขึ้น? และคนส่วนใหญ่กำลังแก้ผิดจุด!
หลายคนที่เริ่มลง Ads Facebook ในช่วงปีที่ผ่านมาอาจรู้สึกคล้ายกันว่า ค่าโฆษณา Facebook แพงขึ้นแบบผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ใช้วิธีเดิม งบเท่าเดิม หรือบางแคมเปญก็อัดงบเป็น 2 เท่าด้วยซ้ำ กลุ่มเป้าหมายก็ตรงแบบเดิม แต่กลับยิงแอด Facebook แล้วผลลัพธ์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ยอดคลิกแพงขึ้น คนทักก็หายไป มีแต่ผีทักมา และสุดท้ายยอดขายก็ลดลงจนไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะคุณทำไม่ดี แต่เป็นเพราะโครงสร้างระบบโฆษณาของ Facebook เปลี่ยนไปมาก และพฤติกรรมผู้ใช้บนแพลตฟอร์มก็เปลี่ยนเช่นกัน ทำให้ “สูตรเดิมใช้ไม่ได้” และหลายคนกำลังแก้ปัญหาผิดจุดอยู่โดยไม่รู้ตัว
บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียดว่า ทำไมโฆษณา Facebook ถึงแพงขึ้น และต้องปรับตัวอย่างไรให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน พร้อมคำแนะนำจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ที่สอนยิงแอด Facebook ให้ธุรกิจชั้นนำมาเป็นเวลานาน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ads Facebook แพงขึ้น และทำไมสูตรเดิมถึงไม่เวิร์กอีกต่อไป
เมื่อหลายปีก่อน แค่ตั้งแคมเปญง่าย ๆ ใส่รูป ใส่ข้อความ แล้วปล่อย Ads Facebook ให้รันไปเรื่อย ๆ ก็ได้ยอดขายกลับมาแล้ว แต่วันนี้สูตรเดิมกลับใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ต้นทุนพุ่งขึ้น หลายอย่างทำงานไม่เหมือนเดิม และหลายธุรกิจเริ่มตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับโฆษณา Facebook กันแน่? ความจริงคือ ไม่ได้มีแค่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีหลายปัจจัยซ่อนอยู่และทำให้ค่าแอดแพงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากไม่เข้าใจเบื้องหลังเหล่านี้ การปรับโฆษณาก็จะกลายเป็นการแก้ปัญหาผิดจุดตั้งแต่ต้นทาง
1. จำนวนผู้ยิงแอดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะทุกธุรกิจแห่เข้ามาขายออนไลน์
ตั้งแต่ปี 2019 ผู้ประกอบการจำนวนมากย้ายมาทำการตลาดออนไลน์เกือบทั้งหมด ตั้งแต่ธุรกิจบ้าน ๆ จนถึงแบรนด์ชั้นนำ จึงทำให้การแข่งขันในระบบ Ads Facebook สูงขึ้นอย่างมาก เมื่อคู่แข่งมากขึ้น ระบบจึงจัดสรรพื้นที่โฆษณาด้วยการประมูลราคา ผลลัพธ์คือ “ค่าโฆษณาแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ”
ผู้ที่คุ้นเคยกับการยิงแบบเดิมมักเข้าใจว่าเพิ่มงบแล้วผลลัพธ์ควรดีขึ้น แต่ความจริงคือ ถ้าความต้องการของผู้ลงโฆษณามากขึ้นกว่าปริมาณพื้นที่โฆษณา ค่า Ads Facebook จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่เกี่ยวกับว่าคุณยิงดีหรือไม่
ในยุคที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ วิธีแก้ไม่ใช่การเพิ่มงบ แต่ต้องปรับโครงสร้างโฆษณาให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อให้ AI เลือกส่งโฆษณาของคุณมากกว่าโฆษณาคู่แข่ง
2. ระบบ AI ของ Facebook เปลี่ยนโครงสร้างทั้งหมด
หลายคนไม่รู้ว่า Facebook ปรับอัลกอริทึมโฆษณาบ่อยมาก และแต่ละครั้งส่งผลต่อการยิงแอด Facebook โดยตรง โดยเฉพาะหลังปี 2023 เป็นต้นมา ระบบให้ความสำคัญกับสัญญาณที่บ่งบอก “คุณภาพ” มากกว่าสิ่งที่ผู้ลงโฆษณาคิด เช่น
- คุณภาพของเนื้อหาโฆษณา
- ความเกี่ยวข้องกับผู้ชม
- Conversion จริงที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์หรืออินบ็อกซ์
- พฤติกรรมผู้ชมต่อโฆษณาของคุณ
ถ้าแอดคุณได้สัญญาณดีระบบจะลดต้นทุนให้ แต่ถ้าแอดได้สัญญาณแย่ค่าโฆษณาจะพุ่งขึ้นทันที แม้คุณจะเพิ่มงบหรือปรับกลุ่มเป้าหมายก็ตาม
ปัญหาที่เจอบ่อยคือ หลายคนยังใช้วิธีเดิม เช่น เปลี่ยนรูป เปลี่ยนข้อความเล็กน้อย หรือยิงแบบหว่านไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ตอบโจทย์ AI ยุคใหม่ ทำให้ Ads Facebook กลายเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นแบบไม่คุ้มค่าเอาซะเลย
3. พฤติกรรมผู้ใช้ “เสพคอนเทนต์ไวขึ้น” และความสนใจสั้นลงมาก
ก่อนหน้านี้ คนใช้ Facebook เพื่ออ่านโพสต์ยาว ๆ ดูรูป และเลื่อนฟีดช้า ๆ แต่ตอนนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่คุ้นชินกับคอนเทนต์เร็ว ๆ เช่น Reels หรือคลิปสั้นบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทำให้เวลาที่เขาใช้โฟกัสกับโฆษณาของคุณลดลงไปด้วย
เมื่อความสนใจลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
- อัตราคลิกต่ำลง
- อัตราการหยุดดูก็ต่ำลง ส่งผลให้การปัดทิ้งเพิ่มขึ้นตาม
- ค่าโฆษณาต่อการแสดงผลสูงขึ้น
- Conversion ลดลง
นี่คือสาเหตุที่โฆษณา Facebook ยุคใหม่ต้อง “คม ชัด กระชับ” ตั้งแต่วินาทีแรกที่แสดงบนฟีด ไม่อย่างนั้นระบบจะไม่ยอมส่งโฆษณาให้ เพราะมองว่าเนื้อหาคุณไม่น่าสนใจเท่าคู่แข่ง
ซึ่งการยิงแบบเดิมที่ใช้ภาพเรียบ ๆ ข้อความยาว ๆ หรือคลิปวิดีโอไม่ดึงดูด จะถูก AI มองว่าไม่เหมาะสม ส่งผลให้ต้นทุน Ads Facebook สูงโดยอัตโนมัติ
4. ความผิดพลาดใหญ่ที่สุด คือ ยิงแอด Facebook แบบเดิม โดยไม่ปรับโครงสร้างแคมเปญ
ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากยังยิงโฆษณาในรูปแบบเดิม เช่น
- ยิงแบบหว่านกว้างๆ
- ยิง Retarget แต่ไม่เก็บข้อมูลจริง
- เปลี่ยนรูปแต่ไม่เปลี่ยนกลยุทธ์
- ใช้วัตถุประสงค์ที่ไม่ตรงกับพฤติกรรมผู้ชม
ผลลัพธ์คือโฆษณาทำงานได้ไม่นิ่ง ต้นทุนแพง และระบบไม่เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคืออะไร
ในยุคนี้การยิงแอด Facebook ต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน คือ
- แคมเปญสำหรับการเก็บข้อมูล
- แคมเปญสำหรับการปิดการขาย
- แคมเปญสำหรับทำความรู้จักแบรนด์
- ข้อมูล Pixel หรือ Conversion API ที่ส่งสัญญาณถูกต้อง
ถ้าขาดโครงสร้างเหล่านี้ ต่อให้เพิ่มงบเป็นสิบเท่า ผลลัพธ์ก็ไม่ดีขึ้น เพราะไม่ได้รับสัญญาณคุณภาพที่เพียงพอ
5. โฆษณา Facebook แพงเพราะ “แก้ผิดจุด” ไม่ใช่เพราะยิงไม่เก่ง
ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักตีความคำว่า “แพง” เทียบกับยอดขายที่ได้รับ และมักเลือกโทษปัจจัยเหล่านี้
- ภาพไม่สวย
- ข้อความไม่ปัง
- กลุ่มเป้าหมายไม่ตรง
- งบน้อยเกินไป
ความจริงแล้วทั้งหมดนี้คือ “ปลายเหตุ” ไม่ใช่ต้นเหตุ เมื่อแก้ที่ปลายเหตุผลลัพธ์จึงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมนั่นเอง
ต้นเหตุจริง ๆ มีอยู่ 3 ข้อ คือ
- โครงสร้างการยิงแอดไม่เหมาะกับ AI ยุคใหม่
- ไม่มีการเก็บและวัดผลข้อมูลที่คุณภาพ
- ไม่ได้จัดระบบแคมเปญให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ใช้
เมื่อยิงแบบไม่มีโครงสร้าง ระบบจะต้องเดาเองว่าคุณต้องการอะไร และความไม่ชัดเจนนี้ทำให้ต้นทุน Ads Facebook พุ่งขึ้นทันที การแก้ปัญหาให้ถูกจุดจึงเริ่มจาก “การปรับโครงสร้างการยิงแอด” ไม่ใช่แค่ปรับรูปหรือข้อความ
บทสรุป
Ads Facebook ไม่ได้แพงขึ้นเพราะระบบแย่ลง แต่แพงขึ้นเพราะการแข่งขันสูงกว่าเดิม พฤติกรรมผู้ใช้เปลี่ยน และระบบ AI ของ Facebook ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าวิธีการหว่านโฆษณาแบบเดิม ถ้าคุณยังยิงแบบเดิม ผลลัพธ์จะยิ่งแย่ลง และต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร การปรับตัวที่ถูกต้องคือการเข้าใจโครงสร้างใหม่ของการยิงแอด Facebook และรู้วิธีเก็บข้อมูลที่เหมาะสม เพื่อให้ระบบส่งโฆษณาของคุณไปหาลูกค้าตัวจริง ถ้าวันนี้คุณลองคิดและแก้ไขเองทุกอย่างแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่ได้สักที อย่าทนจ่ายค่าแอดแพง ๆ แล้วไม่ได้อะไรกลับคืน มาเรียนรู้วิธีปรับโครงสร้างโฆษณาที่ถูกต้องกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดต้นทุนทันที










